“รศ.นพ.ธีระ”เตือนอย่าเร่งเดินหน้านโยบายนำโควิดสู่โรคประจำถิ่น ชี้ความรุนแรงของโรคยังสูงกว่าไข้หวัดใหญ่ และมีผลกระทบระยะยาวในผู้ติดเชื้อ รวมทั้งมีสิ่งที่ยังไม่รู้อีกมากเกี่ยวกับโอมิครอน
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงการระบาดของเชื้อโควิด-19สายพันธุ์ โอมิครอน และนโยบายการนำไปสู่โรคประจำถิ่น โดยมีเนื้อหาดังนี้
อยากกระตุกขาเรื่องนโยบายนำไปสู่โรคประจำถิ่น โดยชูเรื่อง”ความไม่รุนแรงของโอไมครอน”
ความไม่รุนแรงที่กล่าวถึงว่าเทียบเท่าหรือน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่นั้น ยังไม่ควรรีบด่วนสรุปนะครับ
หากติดตามข้อมูลทั่วโลกดู จะพบว่ามีงานวิชาการหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าสถานะปัจจุบันยังรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ และยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมากเกี่ยวกับ Omicron
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบระยะยาวจากการติดเชื้อโควิด คือภาวะอาการคงค้าง (Long COVID) ล่าสุดทีมจากมหาวิทยาลัย Stanford และ Yale เผยแพร่การวิจัยที่น่ากังวล เรื่องการติดเชื้อโควิด แม้จะอาการน้อย (Mild) ก็ส่งผลทำให้เกิดการทำงานผิดปกติของเซลล์สมอง และเกิด Myelin loss ของสมอง ซึ่งผลเช่นนี้อาจอธิบายเรื่องอาการคงค้างระยะยาวของผู้ป่วยโควิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขาดสมาธิ มีปัญหาด้านการคิดวิเคราะห์ รวมถึงความจำ
อยากให้ฝ่ายนโยบายใจเย็นๆ อย่าเพิ่งผลีผลามครับ ขันน็อตพื้นฐานให้ดีเรื่องการป้องกันตัวในการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนถัดจากนี้ไปอย่างน้อย 1-2 ปี รวมถึงระบบการดำเนินธุรกิจค้าขายบริการให้เน้นความปลอดภัย และปรับนโยบายจัดซื้อจัดหาวัคซีนและการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วถึงทุกช่วงอายุ
โรคประจำถิ่นนั้นคงจะมีโควิดแน่นอน แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป จนกว่าเราจะรู้จักมันดีเพียงพอ อย่าดูเพียง snapshot ระยะสั้น
อ้างอิง
https://www.posttoday.com